City of Life and Death | นานกิง โศกนาฏกรรมสงครามมนุษย์
City of Life and Death takes place in 1937, during the height of the Second Sino-Japanese War. The Imperial Japanese Army has just captured the then-capital of the Republic of China, Nanjing. What followed was known as the Nanking Massacre, or the Rape of Nanking, a period of several weeks wherein tens of thousands of Chinese soldiers and civilians were killed.<div><br></div><div><span style="color: rgb(0, 0, 0); font-family: tahoma, arial, helvetica, "sans-serif"; font-size: 10.6667px; background-color: rgb(223, 239, 255);">เรื่องเล่าการสังหารหมู่ที่นานกิงที่เขียนโดยฝั่งจีนมีความคลาดเคลื่อนแทรกอยู่สูงมาก และโดยมาตรฐานของการศึกษาประวัติศาสตร์ถือว่าเชื่อถือไม่ค่อยได้ ความบิดเบี้ยวเกิดจากการโฆษณาชวนเชื่อในระหว่างสงคราม ตอนนั้นทางจีนได้ตอกไข่ใส่ร้ายญี่ปุ่นเกินจริงเพื่อให้นานาชาติเห็นใจจีนและเกลียดชังญี่ปุ่น และเพื่อให้คนจีนเกลียดกลัวญี่ปุ่น จะได้ไม่ไปเข้ากับรัฐบาลหุ่นของหวางจิงเว่ยที่ญี่ปุ่นตั้งขึ้นที่เซียงไฮ้ แต่เมื่อสงครามได้จบลง ทางจีนก็ไม่ได้ชำระแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง กลับปล่อยเลยตามเลย ประวัติศาสตร์ของทางฝ่ายจีนก็เลยถูกเขียนขึ้นจากข้อมูลที่มีการโฆษณาชวนเชื่อในยามสงครามปะปนอยู่ ก็เลยมีปัญหาด้านความน่าเชื่อถือ</span><br style="color: rgb(0, 0, 0); font-family: tahoma, arial, helvetica, "sans-serif"; font-size: 10.6667px; background-color: rgb(223, 239, 255);"><br style="color: rgb(0, 0, 0); font-family: tahoma, arial, helvetica, "sans-serif"; font-size: 10.6667px; background-color: rgb(223, 239, 255);"><span style="color: rgb(0, 0, 0); font-family: tahoma, arial, helvetica, "sans-serif"; font-size: 10.6667px; background-color: rgb(223, 239, 255);">พอล่วงมาถึงยุคปัจจุบัน คนญี่ปุ่นรุ่นใหม่เริ่มมีการยอมรับความผิดของตนในอดีต และเริ่มมีการเขียนประวัติศาสตร์ช่วงนี้ขึ้นใหม่ ญี่ปุ่นยอมรับความผิดของตนในบางเรื่องที่มีหลักฐานเพียงพอที่จะเชื่อถือได้ตามหลักวิชา และนักประวัติศาสตร์นานาชาติค่อนข้างให้ความสนใจการค้นคว้าของทางญี่ปุ่น เพราะในทางวิชาการมีความน่าเชื่อถือมากกว่า ทำให้ชาวจีนเริ่มไม่พอใจ และรู้สึกว่าชาวโลกกำลังจะลืมการกระทำอันโหดร้ายในอดีตของญี่ปุ่น (ซึ่งบางส่วนอาจไม่เป็นความจริง) ผลคือชาวจีนเริ่มทำหนังสือ สารคดี และภาพยนต์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่นานกิงออกมาติดๆกันหลายฉบับ แต่ทว่าส่วนใหญ่จะเป็นการผลิตซ้ำจากข้อมูลเก่าที่มีปัญหาด้านความน่าเชื่อถือ</span><br style="color: rgb(0, 0, 0); font-family: tahoma, arial, helvetica, "sans-serif"; font-size: 10.6667px; background-color: rgb(223, 239, 255);"><br style="color: rgb(0, 0, 0); font-family: tahoma, arial, helvetica, "sans-serif"; font-size: 10.6667px; background-color: rgb(223, 239, 255);"><span style="color: rgb(0, 0, 0); font-family: tahoma, arial, helvetica, "sans-serif"; font-size: 10.6667px; background-color: rgb(223, 239, 255);">ผลคือกระแสความเกลียดชังจากอดีตได้ย้อนกลับมาคุกรุ่นในหมู่คนจีนอีกครั้ง ทางรัฐบาลญี่ปุ่นนั้นดูเหมือนจะมีความมั่นใจในข้อมูลค่อนข้างมาก และประกาศเชิญชวนให้รัฐบาลจีนมาร่วมกันชำระประวัติศาสตร์ด้วยกัน แต่ดูเหมือนทางจีนจะไม่สนใจ และยังคงเดินหน้าผลิตซ้ำความเกลียดชังจากข้อมูลเก่าๆในอดีต ดังนั้นถ้ามองอย่างเป็นธรรม เราควรต้องถือว่าเหตุการณ์ช่วงนี้มีปัญหาด้านความน่าเชื่อถือ และยังไม่ควรปักใจเชื่อฝ่ายใด ตราบเท่าที่ยังไม่มีการชำระประวัติศาสตร์ช่วงนี้อย่างจริงจัง ภายใต้ความร่วมมือของชาติทั้งสอง ซึ่งยังมองไม่เห็นอนาคตว่าจะเกิดขึ้นได้เมื่อใด</span><br></div>